ในปี 2025 วงการ AI กำลังเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดเมื่อมีผู้เล่นใหม่ที่ชื่อว่า DeepSeek โมเดลภาษาและแชทบอทจากบริษัทสตาร์ทอัพจีน ที่สามารถแข่งขันกับ ChatGPT จาก OpenAI ได้อย่างสูสี และยังกลายเป็นกระแสมาแรงในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปในระยะเวลาไม่นาน
DeepSeek เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ประเภทโมเดลภาษา (Language Model) และแชทบอทที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพจากจีน เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงต้นปี 2025 โดยมีข่าวลือว่าบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนสนับสนุนจากบริษัทเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ของจีน High-Flyer และมีพนักงานประมาณ 200 คน โดยงบประมาณการพัฒนาเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 190 ล้านบาท)
ต้นทุนต่ำกว่า เข้าถึงง่ายกว่า DeepSeek-R1 ถูกพัฒนาด้วยงบประมาณเพียงประมาณ 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าการลงทุนในการพัฒนาโมเดลภาษาอย่าง ChatGPT มาก และยังสามารถเสนอราคาการใช้งานที่ถูกกว่า โดยเฉพาะในแอปพลิเคชันที่เปิดให้ใช้ฟรี ซึ่งช่วยให้ DeepSeek กลายเป็นแอปยอดนิยมอันดับหนึ่งใน App Store ของสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว
เน้นความเร็วและแม่นยำในงานเฉพาะด้าน DeepSeek โดดเด่นในการแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์และการเขียนโค้ด โดยมีการทดสอบที่ชัดเจนว่า DeepSeek มีประสิทธิภาพในการคิดเชิงตรรกะและแสดงกระบวนการคิดได้ชัดเจนในระดับที่ใกล้เคียงหรือเหนือกว่า ChatGPT ในบางกรณี
Open Source คืออีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญของ DeepSeek เพราะการเปิดเผยโค้ดและเทคนิคต่างๆ ทำให้นักพัฒนาและชุมชนเทคโนโลยีทั่วโลกสามารถนำไปต่อยอดและปรับแต่งได้อย่างอิสระ ซึ่งแตกต่างจาก ChatGPT ที่เน้นเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และปิดการเข้าถึงบางส่วน
การเซ็นเซอร์เนื้อหา DeepSeek มีข้อจำกัดสำคัญในเรื่องการเซ็นเซอร์เนื้อหาตามนโยบายของรัฐบาลจีน ทำให้บางครั้งผู้ใช้อาจไม่ได้รับคำตอบที่สมบูรณ์หรือแม่นยำเมื่อถามเกี่ยวกับประเด็นอ่อนไหว เช่น ประวัติศาสตร์หรือสถานะทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ประสบการณ์การใช้งานจำกัดกว่าคู่แข่งอย่าง ChatGPT
ฟีเจอร์เสริมที่ยังไม่หลากหลาย แม้ว่า DeepSeek จะทำงานได้ดีในงานเฉพาะด้าน แต่เมื่อเทียบกับ ChatGPT แล้ว DeepSeek ยังขาดความหลากหลายของฟีเจอร์เสริม เช่น โหมดเสียง การสร้างภาพ หรือการปรับแต่งคำตอบที่ลึกซึ้งกว่า (เช่น Canvas) ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้งานหลากหลายยังคงเลือกใช้ ChatGPT มากกว่า
ความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล อีกข้อกังวลที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจาก DeepSeek มีการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน และผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมหรือจำกัดข้อมูลได้เอง ทำให้เป็นจุดอ่อนที่สำคัญเมื่อเทียบกับมาตรการปกป้องข้อมูลของ ChatGPT ที่เข้มงวดกว่า
DeepSeek มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและงานเฉพาะทางที่ต้องการความเร็วและแม่นยำในการประมวลผลทางตรรกะและคณิตศาสตร์ ในขณะที่ ChatGPT มีจุดแข็งที่ฟีเจอร์ครบถ้วน หลากหลาย และการควบคุมความปลอดภัยข้อมูลที่ดีกว่า
DeepSeek จึงเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งที่น่าสนใจและอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาด AI แต่สำหรับผู้ที่ต้องการการใช้งานที่ครอบคลุมทุกด้านและความมั่นใจในด้านความปลอดภัยของข้อมูล ChatGPT ยังคงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีมากกว่าในขณะนี้ครับ