การพัฒนาฝีมือแรงงาน: สิ่งที่ผู้ประกอบกิจการต้องรู้

การพัฒนาฝีมือแรงงาน: สิ่งที่ผู้ประกอบกิจการต้องรู้

          การพัฒนาฝีมือแรงงานไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มศักยภาพของพนักงานและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร แต่ยังเป็นหน้าที่ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามตามกฎหมายในประเทศไทย

ติดตามกฏหมายฉบับเต็มได้ที่ https://www.dsd.go.th/DSD/Articles/ShowDetails/699

จากพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

          ปัจจุบัน กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการทุกประเภทที่มีลูกจ้างตั้งแต 100 คนขึ้นไป จะต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เว้นแต่จะได้ดำเนินการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่ลูกจ้าง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด จึงจะไม่ต้องสงเงินสมทบเข้ากองทุน จึงเป็นที่มาของการฝึกอบรมภายใน ให้ได้อย่าง

โดยมีวิธีการคำนวณจำนวนลูกจ้าง แบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

1.กรณีลูกจ้างมากกว่า 100 คนตั้งแต่ มกราคม เอาจำนวนลูกจ้างแต่ละเดือนบวกกันแล้วหาร 12 ได้เท่าไหร่ ต้องจัดฝึก     อบรมให้ได้มากกว่า 50% ของจำนวนนั้น

2.กรณีลูกจ้างมากกว่า 100 คน ระหว่างปี เอาจำนวนลูกจ้างตั้งแต่เดือนที่เกินบวกกันแล้วหารด้วยจำนวนเดือนที่เกิน ได้     เท่าไหร่ ต้องจัดฝึกอบรมให้ได้มากกว่า 50% ของจำนวนนั้น

* จำนวนลูกจ้างที่ใช้ในแต่ละเดือนจะเป็น จำนวนลูกจ้าง ณ สิ้นเดือน ต้องตรงกับจำนวนที่ยื่นประกันสังคม

* ในการนับสามารถนับรวมลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมไปแล้ว และมีการลาออกไปแล้วในระหว่างปีได้ด้วย

แนวทางการปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบกิจการ

1. การขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบกิจการ

เงื่อนไข: ผู้ประกอบกิจการที่มีลูกจ้างครบ 100 คนขึ้นไปต้องดำเนินการขึ้นทะเบียน

แบบฟอร์มที่ต้องยื่น: แบบ สท.1 และ สท.4

2. การจัดฝึกอบรมพนักงาน

ผู้ประกอบกิจการต้องจัดการฝึกอบรมให้ครบ 50% ของลูกจ้างเฉลี่ยต่อปี โดยแบ่งประเภทการฝึกอบรมออกเป็น

In-house Training: ผู้ประกอบกิจการจัดอบรมเอง, Public Training: ส่งพนักงานไปอบรมภายนอก

เอกสารที่ต้องยื่น: (แนะนำให้ติดต่อกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในเขตรับผิดชอบก่อนทุกครั้ง)

In-house Training:

  • แบบ ฝย/ฝป 1, 2-1, 3
  • สำเนาใบลงทะเบียน ลงลายมือชื่อเข้ารับการฝึกอบรม(เช้า-บ่าย),
  • สำเนาหลักสูตร
  • กำหนดการอบรม
  • สำเนาใบเสร็จ (ถ้ามี)

Public Training

  • ยื่นแบบ ฝย/ฝป 1, 2-2
  • สำเนาหลักสูตร
  • กำหนดการอบรม
  • สำเนาใบเสร็จ
  • หนังสือรับรองการฝึกอบรมหรือวุฒิบัตร (ถ้ามี)

เงื่อนไข:

  1. ต้องยื่นเอกสารให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันหลังจบการอบรม (หรือไม่เกินวันที่ 15 มกราคมของปีถัดไป สำหรับการอบรมช่วงปลายปี)
  2. เมื่อยื่นขอรับรองหลักสูตร ให้รอการพิจารณาของเจ้าหน้าที่และการให้ความเห็นชอบของนายทะเบียน
  3. กรณีฝึกเตรียมเข้าทำงาน จะไม่สามารถนับจำนวนผู้รับการฝึกได้
  4. กรณีไม่แน่ใจเรื่องหัวข้อการฝึกอบรม หรือต้องการทราบเงื่อนไขขั้นตอนการพิจารณารับรองหลักสูตร
  5. แนะนำให้สอบถามสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับผิดชอบตามเขตที่ประกอบกิจการติดต่อไว้

3. การนับจำนวนลูกจ้างเพื่อประเมินเงินสมทบกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน

ลูกจ้างคนเดียวสามารถนับได้เพียง 1 หลักสูตรต่อปี ลูกจ้างคนเดียวกันได้รับการฝึกอบรม มากกว่า 1 หลักสูตร ให้นับ 1 คน 1 หลักสูตร

  • แต่ในการใช้สิทธิขอยกเว้นภาษีเงินได้ แม้ฝึกซ้ำคนก็สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของลูกจ้างทุกคนไปยกเว้นภาษีได้

ลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการฝึกอบรมและมีใบอนุญาตทำงานสามารถนำมาคำนวณได้

ลูกจ้างที่ลาออกระหว่างปีสามารถนับได้

4. การประเมินเงินสมทบกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน

กรณีไม่ต้องส่งเงินสมทบ

  • จัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงานให้แก่ลูกจ้างของตนหรือมีลูกจ้างเข้ารับการทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงานแห่งชาติและผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติหรือมีลูกจ้างผู้ผ่านการรับรองความรู้ ความสามารถ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมดในแต่ละปี ปฏิทิน ผู้ประกอบกิจการนั้นไม่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานในปีนั้น
  • กรณีจำนวนลูกจ้างในปีปฏิทินใดมีจำนวนลูกจ้างในแต่ละเดือนไม่ถึง 100 คน หรือเฉลี่ยในรอบปี ไม่ถึง 100 คน แต่ยังคงมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบ (สท.2) ต่อไปทุกปีเพื่อชี้แจงจำนวนลูกจ้างในปีนั้นๆ
  • ผู้ประกอบกิจการหยุดหรือเลิกกิจการโดยไม่มีสถานภาพเป็นผู้ประกอบกิจการที่ดำเนินกิจการแล้ว ให้ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ประกอบกิจการ(สท.8)

กรณีต้องส่งเงินสมทบ

กรณีที่ต้องส่งเงินสมทบ จะมีกรณีที่ฝึกอบรมไม่ถึงตามจำนวนต้องส่งเงินสมทบให้เท่ากับจำนวนสัดส่วนที่ต้องจัดให้มีการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน ให้แก่ลูกจ้างตามการคำนวณ

อัตราเงินสมทบ = ร้อยละ 1 ของฐานค่าจ้างที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบ

ฐานค่าจ้าง = อัตราค่าจ้างขั้นต่ำสุดเป็นอัตราเดียวกันตามกฎหมายในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการส่งเงินสมทบ x 30

หมายเหตุ : อัตราค่าจ้างขั้นต่่าสุดเป็นอัตราเดียวกันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานปี 2559 คือ 300 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2559) ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่่า (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2559 ทั้งนี้ในปีถัดไปให้พิจารณาตามประกาศคณะกรรมการดังกล่าวว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างขั้น ต่่าสุดเป็นอัตราใหม่ก่อนปีที่มีการส่งเงินสมทบหรือไม่

5. สถานที่ยื่นแบบแสดงการส่งเงินสมทบกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน (สท.2)

กรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ กองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน อาคารศูนย์บริการผู้ประกอบการและกำลังแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ถ.มิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0 2245 1707 ต่อ 417, 201

สำหรับสถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในเขตวัฒนา และเขตพระโขนง ให้ยื่น ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดธาตุทอง ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โทร 0 2390 0261-3

ต่างจังหวัด ให้ยื่น ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานหรือสeนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน

ประโยชน์ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน

1.เพิ่มผลิตภาพแรงงาน

เมื่อพนักงานได้รับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความผิดพลาด และส่งเสริมความพึงพอใจในงาน

2. หักค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม

ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่ผ่านการรับรองจากนายทะเบียนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 สามารถยกเว้นภาษีเงินได้กับกรมสรรพากรได้

บทบาทหน้าที่ของ HRD ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน

การปฏิบัติตามกฎหมายการพัฒนาฝีมือแรงงานมาพร้อมกับภาระงานที่ซับซ้อนและใช้เวลามาก HRD ต้องรับผิดชอบงานสำคัญหลายด้านในการปฏิบัติตามข้อกำหนด เช่น:

  1. วางแผนการฝึกอบรม: กำหนดหลักสูตรให้เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกำหนด
  2. จัดเก็บข้อมูล: รวมถึงรายชื่อพนักงาน หลักสูตร และผลการประเมิน
  3. จัดทำรายงานส่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน: รายงานต้องมีความครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อป้องกันการเสียสิทธิประโยชน์หรือถูกปรับ
  4. ติดตามผลลัพธ์: ตรวจสอบว่าการฝึกอบรมช่วยเพิ่มทักษะพนักงานได้จริงหรือไม่

ด้วยระบบ FROG GENIUS LMS (Learning Management System)

FROG GENIUS LMS เป็นโซลูชันที่ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการฝึกอบรมและการส่งข้อมูลให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมาย FROG GENIUS LMS มีบทบาทในการช่วย

  1. จัดทำรายงานอัตโนมัติ  
  • FROG GENIUS LMS สามารถสร้างรายงานผลการฝึกอบรมที่ตรงตามรูปแบบของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานโดยอัตโนมัติ และสามารถส่งออกไฟล์พร้อมใช้งานได้ทันที
  • ลดเวลาการจัดทำรายงาน
  • ลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลด้วยมือ

     2. จัดเก็บและจัดการข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ

  • FROG GENIUS LMS ช่วยเก็บข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการฝึกอบรม เช่น รายชื่อพนักงาน หลักสูตร และผลลัพธ์ ทำให้ HRD ไม่ต้องจัดเก็บเอกสารจำนวนมาก

     3. ติดตามผลการฝึกอบรมแบบเรียลไทม์

  • FROG GENIUS LMS ช่วยให้สามารถติดตามผลการพัฒนาฝีมือแรงงานได้ทันที
    • ใครบ้างที่ผ่านการฝึกอบรม
    • ประเมินผลลัพธ์ของหลักสูตร
    • วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการฝึกอบรมในอนาคต

กฎหมายการพัฒนาฝีมือแรงงานมีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพของแรงงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและพนักงาน อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามกฎหมายจะมีภาระงานให้กับฝ่าย HRD การนำระบบ LMS มาใช้ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล จัดทำรายงาน และติดตามผลการฝึกอบรม และช่วยให้ HRD มีเวลาโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่า เช่น การพัฒนากลยุทธ์

FROG GENIUS เรามีความเชี่ยวชาญในโซลูชันการฝึกอบรม การเรียนการสอน และ LMS อีกทั้งยังออกแบบระบบให้สอดคล้องกับการทำงาน ลดภาระงานของฝ่าย HRD เช่น การทำรายงาน เพื่อส่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และFROG GENIUS เรายังตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างสอดคล้อง และเรายังได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำต่างๆมากมาย

 

Related Article