AI คืออะไร? และ โลกยุค AI ปรับตัวอย่างไรหลังจากนี้?
สวัสดีครับ ผมโอปอ บริวัตร จันทร์เรือง พ่อหนุ่มที่ชีวิตทุกวันนี้เต็มไปด้วยคำว่า AI ไม่ว่าจะตื่นมาก็เจอ ก่อนนอนก็ยังเจอ ทั้งในฐานะคนวางกลยุทธ์ AI และ Data ให้กับบริษัท Assetwise Pcl. สอนและให้คำปรึกษาด้าน AI และ Automation ผ่าน Hundredtimesfaster.com และยังเป็นเจ้าของ Product AI ชื่อ DrabLabs.com ที่ช่วยให้คนที่ยังไม่คุ้นเคยกับ AI สามารถใช้มันได้ง่ายขึ้นในการสร้างภาพและเขียนข้อความ
สำหรับผม AI ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีที่มาแล้วก็ผ่านไป แต่คือคลื่นลูกใหญ่ที่เราทุกคนต้องพร้อมที่จะโต้ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ข้างหลังในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นบทความนี้เลยชวนทุกคนมารู้จักคลื่นลูกนี้เพิ่มเติมกันครับ
AI คืออะไร?
สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้งาน AI มาก่อนเลย AI หรือ Artificial Intelligence คือระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาเหมือนมนุษย์ โดยเฉพาะ Generative AI ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด ในแง่ของเทคนิค AI ประเภทนี้ทำงานผ่านโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่แตกต่างกันไป เช่น การสร้างข้อความจะใช้ Large Language Models (LLMs) เช่น GPT-4 หรือ Claude ในขณะที่การสร้างภาพจะใช้โมเดลประเภท Diffusion เช่น Stable Diffusion หรือโมเดลเฉพาะทางอย่าง Midjourney ส่วนการสังเคราะห์เสียงหรือวิดีโอก็จะมีโมเดลเฉพาะของแต่ละประเภทเช่นกัน โดยโมเดลเหล่านี้ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลจนสามารถสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงได้ ซึ่งผลขอไม่ลงรายละเอียดในด้าน Technique เนื่องอาจจะต้องใช้เวลาในการอีก 1 วันถึงจะเข้าใจนะครับ ตัวอย่างของ Generative AI ที่เราใช้งานกันเป็นประจำ เช่น ChatGPT, Midjourney หรืน้องใหม่อย่าง Deepseek ครับ
แล้ว AI สำคัญยังไงกับเรา? หลายคนที่เริ่มใช้งานแล้วอาจจะนึกออกบ้างใช่มั้ยครับ แต่ถ้ายังนึกไม่ออก ผมขอแชร์ประมาณนี้ครับ AI คือเครื่องมือที่ช่วยเราทำสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่น ช่วยคิดไอเดียใหม่ๆ เขียนบทความ สร้างรูปภาพ วิดีโอ และเสียงประกอบงานต่างๆ ไปจนถึงวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่คนปกติอาจใช้เวลาหลายวันในการทำ เช่น การเขียนบทความหรือเขียนโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วย ChatGPT การสร้างภาพกราฟิกสำหรับโพสต์ด้วย Midjourney หรือ Adobe Firefly รวมถึงการสร้างวิดีโอสั้นๆ หรือคลิปอธิบายสินค้าด้วยโปรแกรมอย่าง Runway หรือ Pictory เพื่อช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้นและประหยัดเวลา นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์เนื้อหาที่ได้รับการตอบรับดีจากผู้ชม เพื่อปรับปรุงและสร้างเนื้อหาที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต เราจึงนำเวลาที่ได้กลับคืนมาไปสร้างคุณค่าในด้านอื่นๆ เช่น การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ๆ หรือการดูแลและพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น
อนาคตของโลกยุค AI?
ถ้าถามว่า AI จะเปลี่ยนโลกของเรายังไง ผมขอแบ่งมันออกมาเป็น 3 ยุคแบบง่ายๆ แต่ชัดเจนตามนี้ครับ
ยุคที่ 1 : People with AI Tools (วันนี้เลย)
ในยุคนี้ AI เป็นเหมือนปากกา เป็นคอมพิวเตอร์ เป็นสมาร์ตโฟนของเรา มันไม่ได้มาแทนที่งานของเราทันที แต่มันจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราทำงานเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และมีคุณภาพมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญของยุคนี้ก็คือ เราต้องแตกงานของตัวเองออกมาเป็นขั้นตอนให้ชัดเจนก่อน ว่าแต่ละขั้นตอนต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็หาเครื่องมือ AI ที่เก่งเฉพาะด้านมาทำหน้าที่แทนในขั้นตอนที่เหมาะสม เช่น ตัวอย่างเช่น นายสมติ๋ม เป็น Content Writer หน้าที่ของเขาเริ่มจากการค้นคว้าข้อมูลโดยใช้ Perplexity ซึ่งเป็น AI ที่เชี่ยวชาญด้านการค้นหาและสรุปข้อมูล จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT เพื่อเรียบเรียงเนื้อหา ต่อมาก็สร้างภาพกราฟิกประกอบบทความโดยใช้ Midjourney และสุดท้ายเขาก็นำเนื้อหาทั้งหมดนี้ไปโพสต์ลงเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียเอง สิ่งสำคัญของยุคนี้ก็คือ เราต้องรู้ว่าขั้นตอนไหน AI สามารถช่วยเราได้ และต้องรีบเรียนรู้ทักษะในการเลือกใช้เครื่องมือ AI
ยุคที่ 2 : AI & Automation (มะรืนนี้แหละ)
ยุคนี้เป็นยุคที่ AI เริ่มมีบทบาทใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยคน แต่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานทั้งหมด หลักสำคัญของยุคนี้คือ การเชื่อมต่อแต่ละเครื่องมือ AI เข้าหากันผ่าน Automation Workflow เช่น สมติ๋มที่เป็น Content Writer จากเดิมที่ต้องคอยย้ายข้อมูลไปมาระหว่าง AI หลายตัว ตอนนี้เขาสามารถใช้เครื่องมือ Automation อย่าง make.com เพื่อสร้าง Workflow ที่เชื่อม AI แต่ละตัวเข้าด้วยกัน เช่น เชื่อม Perplexity เพื่อค้นคว้าข้อมูล ส่งผลลัพธ์ให้ ChatGPT เขียนบทความอัตโนมัติ จากนั้นให้ Midjourney สร้างภาพประกอบ และสุดท้าย Workflow ก็จะโพสต์เนื้อหานั้นลงเว็บไซต์ให้ทันที โดยที่สมติ๋มไม่ต้องทำงานซ้ำๆ เองอีกต่อไป
ยุคที่ 3 : Agentic AI (อนาคตที่อาจยังไม่มาในเร็ววันแต่ปีหน้าเราอาจจะได้เห็น)
ยุคสุดท้ายนี้อาจดูไกลตัว แต่ก็ไม่ไกลเกินไป ยุคนี้โลกอาจไม่ต้องการสมติ๋มอีกต่อไป (แซวเล่นๆ นะครับ) แต่จะเป็นยุคที่ AI กลายเป็นพนักงานคนหนึ่งที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระทั้งกระบวนการ เช่น ถ้าเราอยากเขียนบทความดีๆ สักบท เราก็แค่ซื้อ AI ตัวหนึ่งที่เก่งด้านนี้โดยเฉพาะ มันจะทำตั้งแต่ค้นคว้าข้อมูล เขียนบทความ ทำรูป โพสต์ลงสื่อออนไลน์ ไปจนถึงการติดตามผลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเรียนรู้ว่าเนื้อหาที่สร้างไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และจะทำให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อไป งานหลายอย่างจะถูก AI เข้ามาแทนที่อย่างเต็มตัว คนที่เหลือจึงต้องไปทำงานที่ AI ยังทำไม่ได้ เช่น งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง หรือการบริหารความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน
สุดท้ายแล้ว การปรับตัวกับ AI คือหัวใจสำคัญที่สุดของการอยู่รอด ไม่ใช่แค่เพื่อวันนี้ แต่เพื่ออนาคตที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรมีในยุคของ AI ก็คือการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้สามารถสื่อสารกับเครื่องมือ AI ต่างๆ ได้ การมีทักษะด้าน Programming หรือการเข้าใจระบบและเครื่องมือ AI แม้ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง แต่ต้องรู้ว่าแต่ละส่วนทำงานยังไง และที่สำคัญที่สุดคือทักษะในการ Reskill หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว เพราะสุดท้ายแล้วความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัว คือสิ่งที่จะทำให้เราไปต่อได้ในโลกที่มี AI เป็นส่วนสำคัญของชีวิตครับ
